นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เรือนจำแดนแรกรับ ได้นำตัว พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) และ พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีต รองผบช.ก. ผู้ต้องขังระหว่างการพิจารณาคดีแอบอ้างเบื้องสูงเรียกรับสินบน ออกไปพบเแพทย์ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ซึ่งตั้งอยู่ภายในบริเวณกลุ่มเรือนจำลาดยาว เพื่อตรวจเช็กร่างกาย เนื่องจาก พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวาน จึงต้องพบแพทย์เพื่อตรวจอาการและกินยาเป็นประจำ
ภายหลังตรวจร่างกาย ผู้คุมได้นำตัว พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และ พล.ต.ต.โกวิทย์ กลับไปคุมขังยังแดนแรกรับภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ตามเดิม
นายอายุตม์ กล่าวว่า เป็นระเบียบขั้นตอนปกติ เมื่อผู้ต้องขังป่วย ก็ต้องได้รับการรักษาอาการตามขั้นตอน จากการเข้าตรวจความเรียบร้อยในเรือนจำ ได้รับรายงานเมื่อช่วงกลางคืนที่ผ่านมาว่า พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ นอนร่วมเรือนนอนกับเพื่อนผู้ต้องขังกลุ่มอดีตนายตำรวจ เหตุการณ์ทั่วไปเป็นปกติ ไม่มีปัญหาใด ๆ
ตร.ออกหมายจับเพิ่มคนที่ 23
พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ รรท.ผบช.ก.และในฐานะโฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะมอบเงินรางวัล 1 ล้านบาท ให้กับผู้ที่แจ้งเบาะแสจนนำไปสู่การจับกุมนายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือเสี่ยโจ้ นักธุรกิจที่มีอิทธิพล และหลบหนีคำพิพากษาศาลจังหวัดปัตตานี ในคดีการปลอมแปลงเอกสารตราประทับว่า เบื้องต้นมีประชาชนแจ้งเบาะแสเข้ามาบ้างแล้ว แต่ยังไม่สามารถยืนยันไดั เนื่องจากยังไม่มีหลักฐานที่สามารถยืนยันได้ชัดเจน
จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ทราบว่า นายสหชัย มีความเชื่อมโยงกับนายตำรวจระดับสูงเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้ ได้หลบหนีไปกบดานอยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานขอความร่วมมือไปยังประเทศที่คาดว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีแลัว พร้อมขอหมายแดงในการติดตามตัว และหากพบตัวที่ใดให้แจ้งมายังประเทศไทยทันที
ส่วนกรณีการติดตามจับกุมเครือข่ายขบวนการ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางนั้น ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 1 ราย คือ นายนพพร ศุภพิพัฒน์ อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคนที่ 23 ที่ถูกออกหมายจับ โดยทำหน้าที่เป็นผู้จ้างวานให้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย เพื่อขอลดหนี้จาก 120 ล้านบาท เหลือ 20 ล้านบาท เบื้องต้น เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา มาตรา 112 และเป็นผู้จ้างวานฯ และข้อหาอื่น ๆ เช่นเดียวกันกับผู้เกี่ยวข้อง
พล.ต.ท.ประวุฒิ ยืนยันว่า คดีดังกล่าวไม่มีการตัดตอนอย่างแน่นอน เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งคาดว่า ขณะนี้สามารถออกหมายจับผู้ต้องหาได้เกือบทั้งหมดแล้ว แต่หากมีพยานหลักฐานอื่น ๆ เพิ่มเติมที่สามารถเชื่อมโยงบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง ก็จะดำเนินการจับกุมต่อไป
ขณะเดียวกัน กรณีการหลบหนีการเข้ารายงานตัวตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาของ พ.ต.ท.จงรักษ์ ขุนศรี ผู้กำกับการกอง 6 กองบังคับการปราบปรามนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อแต่อย่างใด ซึ่งหากครบกำหนดระยะเวลา ทางเจ้าหน้าที่อาจออกหมายเรียกเพื่อให้มารายงานตัว และหากยังไม่เดินทางเข้ารายงานตัวตามกำหนด ก็จะถือว่ามีความผิดทางวินัยอาญาร้ายแรง
ป.ป.ช.ตั้งอนุกรรมการตรวจสอบเชิงลึกบัญชีทรัพย์สิน'พงศ์พัฒน์'
เมื่อเวลา 13.00 น. นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์กรณี ป.ป.ช.ประสานงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อเข้าตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ว่า ป.ป.ช.ดำเนินการตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่ของตำแหน่ง ที่ต้องยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ของผู้ดำรงตำแหน่งตามกฎหมายระบุ ซึ่งในส่วนของตำรวจ คือ ผู้เข้าดำรงตำแหน่งผู้บังคับการขึ้นไป ดังนั้น ใครที่อยู่ในข่ายก็ต้องยื่น
ในกรณีนี้ ป.ป.ช.ดำเนินการตรวจสอบ จำนวน 3 ราย ด้วยกัน เพื่อตรวจสอบเชิงลึกของความมีอยู่จริงของทรัพย์สินที่ได้ยื่นแสดงรายการไว้ต่อ ป.ป.ช. เพื่อเปรียบเทียบกับที่ถูกดำเนินคดีที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ ป.ป.ช.ต้องประสานขอข้อมูลไปยังสำนักงานตำรวจ เพื่อนำมาเปรียบเทียบกัน โดยตรวจสอบเชิงลึกดังกล่าวก็ต้องตรวจสอบว่าพบความผิดปกติหรือไม่
ส่วนกรณีความร่ำรวยผิดปกติ เป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช. ซึ่งคงต้องอีกระยะหนึ่ง เพราะต้องตรวจสอบบัญชีก่อนว่าพบความผิดปกติหรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า ขณะนี้ ป.ป.ช.ได้ตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบเชิงลึกบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ กับพวก รวม 3 ราย ได้แก่ พล.ต.ต.โกวิทย์ และ พ.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน อดีตผู้บังคับการตำรวจน้ำ โดยมอบให้นายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธาน ซึ่งเรื่องนี้คงต้องทำให้เร็ว ตรวจสอบให้เร็ว
ส่วนกรณีความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบนั้น ก็เป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช. หาก สตช.มีหลักฐานแล้วก็แจ้งมาให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ
(หมายเหตุ : ภาพแฟ้มข่าว)
Subscribe by Email
Follow Updates Articles from This Blog via Email
No Comments