 แมนซิตี้ |  |  เซาธ์แฮมป์ตัน |
4
|
1
| |
ตูเร่, นาสรี่, เชโก้, โยเวติช เรียงหน้ายิง "นักบุญ" เละเทะ 4-1 เก็บเพิ่มเป็น 70 คะแนนขึ้นรั้งรองจ่าฝูงทันที ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่แรกวันเสาร์
ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำวันเสาร์ ที่ 5 เมษายน เป็นการพบกัน ระหว่าง เจ้าบ้าน "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิด เอติฮัด สเตเดี้ยม ต้อนรับการมาเยือนของ "นักบุญ" เซาแธมป์ตัน เจ้าบ้านมี 67 คะแนน รั้งอยู่อันดับที่ 3 ของตาราง อยู่ในเส้นทางของการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก ด้านทีมเยือนเซาแธมป์ตัน มี 48 คะแนน รั้งอยู่อันดับที่ 8 ของตาราง
เริ่มเกมการแข่งขัน เพียงแค่นาทีที่ 2 เท่านั่นกองเชียร์ "เรือใบสีฟ้า" ก็ได้เฮกันลั่น จากจังหวะที่ เอดิน เชโก้ พาบอลเข้ามาในกรอบเขตโทษศูนย์หน้าชาวบอสเนียล็อกหลบ โจเซ่ ฟอนเต้ แต่แนวรับ "นักบุญ" ดันไปใช้ขาหลังเกี่ยว เชโก้ ล้มลงในกรอบเขตโทษ กรรมการ คริส ฟอยด์ ไม่รอช้าชี้ไปที่จุดโทษทันที ยาย่า ตูเร่ รับหน้าที่สังหารไม่พลาดโดยยิงไปทางด้านขวามือของตัวเอง แต่ เปาโล กาซซานิกา พุ่งไปอีกทาง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นำ เซาแธมป์ตัน อย่างรวดเร็ว 1-0
นาทีที่ 17 ริคกี้ แลมเบิร์ต กระดกบอลให้ อดัม ลาลลานา ในกรอบเขตโทษ แต่เจ้าตัวเกี่ยวบอลไม่ติดพลาดโอกาสล่อเป้าไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 26 เซาแธมป์ตัน โชคร้ายเมื่อ เจย์ โรดริเกซ กระโดดลงผิดจังหวะหัวเข่าบิด ต้องหยุดเกมปฐมพยาบาล ก่อนที่เจ้าตัวจะถูกหามออกไป "นักบุญ"เปลี่ยนตัวออกทันที โดยส่ง เจมส์ วอร์ด-พราวส์ ลงไปแทน
นาทีที่ 30 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำเกมบุกขึ้นมาทางฝั่งซ้าย บอลเลยมาถึง ดาบิด ซิลบา ที่หน้ากรอบเขตโทษ ก่อนจะจ่ายให้ เฆซุส นาบาส ที่เติมมาทางฝั่งขวายิงเต็มข้อ แต่บอลหลุดออกหลังไปแบบได้ลุ้น
นาทีที่ 34 เจ้าบ้าน "เรือใบสีฟ้า" ได้ลูกฟรีคิกนอกกรอบเขตโทษฝั่งขวา ซามีร์ นาสรี่ เปิดบอลเข้ามาและเป็น เอดิน เชโก้ ที่ได้ขึ้นโขกเต็มๆแต่กดบอลไม่ลงเหินข้ามคานออกไปแบบน่าเสียดายสุดๆ
เริ่มเกมการแข่งขัน เพียงแค่นาทีที่ 2 เท่านั่นกองเชียร์ "เรือใบสีฟ้า" ก็ได้เฮกันลั่น จากจังหวะที่ เอดิน เชโก้ พาบอลเข้ามาในกรอบเขตโทษศูนย์หน้าชาวบอสเนียล็อกหลบ โจเซ่ ฟอนเต้ แต่แนวรับ "นักบุญ" ดันไปใช้ขาหลังเกี่ยว เชโก้ ล้มลงในกรอบเขตโทษ กรรมการ คริส ฟอยด์ ไม่รอช้าชี้ไปที่จุดโทษทันที ยาย่า ตูเร่ รับหน้าที่สังหารไม่พลาดโดยยิงไปทางด้านขวามือของตัวเอง แต่ เปาโล กาซซานิกา พุ่งไปอีกทาง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นำ เซาแธมป์ตัน อย่างรวดเร็ว 1-0
นาทีที่ 17 ริคกี้ แลมเบิร์ต กระดกบอลให้ อดัม ลาลลานา ในกรอบเขตโทษ แต่เจ้าตัวเกี่ยวบอลไม่ติดพลาดโอกาสล่อเป้าไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 26 เซาแธมป์ตัน โชคร้ายเมื่อ เจย์ โรดริเกซ กระโดดลงผิดจังหวะหัวเข่าบิด ต้องหยุดเกมปฐมพยาบาล ก่อนที่เจ้าตัวจะถูกหามออกไป "นักบุญ"เปลี่ยนตัวออกทันที โดยส่ง เจมส์ วอร์ด-พราวส์ ลงไปแทน
นาทีที่ 30 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำเกมบุกขึ้นมาทางฝั่งซ้าย บอลเลยมาถึง ดาบิด ซิลบา ที่หน้ากรอบเขตโทษ ก่อนจะจ่ายให้ เฆซุส นาบาส ที่เติมมาทางฝั่งขวายิงเต็มข้อ แต่บอลหลุดออกหลังไปแบบได้ลุ้น
นาทีที่ 34 เจ้าบ้าน "เรือใบสีฟ้า" ได้ลูกฟรีคิกนอกกรอบเขตโทษฝั่งขวา ซามีร์ นาสรี่ เปิดบอลเข้ามาและเป็น เอดิน เชโก้ ที่ได้ขึ้นโขกเต็มๆแต่กดบอลไม่ลงเหินข้ามคานออกไปแบบน่าเสียดายสุดๆ
นาทีที่ 36 เซาแธมป์ตัน เปิดเกมบุก แจ็ค คอร์ก กระชากบอลเข้ามาในกรอบเขตโทษ ก่อนจะโดน ปาโบล ซาบาเลต้า แหย่เท้าสกัดล้มลงในกรอบเขตโทษ คริส ฟอยด์ ชี้ไปที่จุดโทษทันที ริคกี้ แลมเบิร์ต รับหน้าที่สังหารไม่พลาด โดยยิงไปทางขวามือของตัวเอง โจ ฮาร์ท พุ่งถูกทางแต่ไม่ทันบอลพุ่งเสียบตาข่ายแบบเด็ดขาด ช่วยให้ เซาแธมป์ตัน ไล่ตามตีเสมอ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-1
นาทีที่ 45 แฟน "เรือใบสีฟ้า" ได้เฮกันลั่นสนามอีกครั้งจากจังหวะทำเกมกันมาอย่างสวย เริ่มที่ ยาย่า ตูเร่ จ่ายเข้ากลางมาให้กับ เอดิน เชโก้ ไขว้ต่อให้กับ ดาบิด ซิลบา ก่อนแนวรุกชาว สเปน จะปาดบอลให้กับ ซามีร์ นาสรี่ ยิงเข้าไป ให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นนำ เซาแธมป์ตัน อีกครั้ง 2-1
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บของครึ่งแรก "เรือใบสีฟ้า" มานำห่าง เซาแธมป์ตัน อีกครั้ง จากจังหวะที่ อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ เปิดบอลเข้ามาในกรอบเขตโทษ ให้กับเอดิน เชโก้ โหม่งเผาขนเข้าไป ให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นำห่าง 3-1
ก่อนจะหมดเวลาการแข่งขันในครึ่งแรก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นำ เซาแธมป์ตัน 3-1
เริ่มเกมในครึ่งหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปลี่ยนตัวผู้เล่นสำรองคนแรก ส่ง ฆาบี การ์เซีย ลงไปแทน แฟร์นานดินโญ่
นาทีที่ 58 แมนฯ ซิตี้ พลาดโอกาสทองไปอย่างน่าเสียดายจากจังหวะที่ เอดิน เชโก้ หลุดเข้ามาในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย เจ้าตัวยิงจังหวะแรกไปติดเซฟ กาซซานิกา บอลกระดอนออกมาก่อนจะซ้ำด้วยเท้าขวาบอลเหินออกหลังไปอย่างน่าเสียดายสุดๆ
นาทีที่ 64 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปลี่ยนตัวผู้เล่นอีกครั้ง โดยส่ง อัลบาโร่ เนเกรโด้ ลงไปแทนที่ เอดิน เชโก้
นาทีที่ 73 เซาแธมป์ตัน ได้ลุ้นอีกครั้งจากจังหวะที่ อดัม ลาลลานา กระดกบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษทางด้านขวา ให้กับ ริคกี้ แลมเบิร์ต หลุดเข้าไปศูนย์หน้าทีมชาติอังกฤษซัดไปทางเสาสองบอลหลุดกรอบไปนิดเดียว
นาทีที่ 74 เซาแธมป์ตัน เปลี่ยนตัวผู้เล่นส่ง แซม กัลลาเกอร์ ลงไปแทน สตีเว่น เดวิส
นาทีที่ 76 ซิตี้ เปลี่ยนตัวผู้เล่นคนสุดท้าย ส่ง สเตฟาน โยเวติช ลงไปแทน ดาบิด ซิลบา
นาทีที่ 79 "นักบุญ" ส่ง วิคเตอร์ วานยาม่า ลงไปแทน แจ็ค คอร์ก
นาทีที่ 81 ทัพ "เรือใบสีฟ้า" ได้เฮกันลั่นสนามอีกครั้งจากจังหวะที่ เฆซุส นาบาส ลากบอลมาทางริมเส้นฝั่งขวา ก่อนเปิดเข้ามาในกรอบเขตโทษให้ เนเกรโด้ แต่ศูนย์หน้าชาวสเปนเข้าไม่ถึง บอลเลยมาเข้าทางปืนของ สเตฟาน โยเวติช ยิงเข้าไปไม่เหลือให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นำห่าง เซาแธมป์ตัน 4-1
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บไม่มีประตูเพิ่มเติมจบเกมการแข่งขัน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านไล่ถล่ม เซาแธมป์ตัน 4-1 เก็บ 3 แต้ม มี 70 คะแนน ขึ้นรั้งรองจ่าฝูงทันที ด้าน เซาแธมป์ตัน มี 48 คะแนนเท่าเดิม รั้งที่ 8 ของตาราง สำหรับโปรแกรมนัดต่อไป "เรือใบสีฟ้า" มีคิวยกพลบุกไปเยือน "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ที่ แอนฟิลด์ ในวันที่ 13 เม.ย. ด้านทีม เซาแธมป์ตัน โปรแกรมนัดต่อไปมีคิวเปิดบ้าน รับ คาร์ดิฟฟ์ ในวันที่ 12 เม.ย.
รายชื่อ 11 ตัวจริง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : โจ ฮาร์ท, ปาโบล ซาบาเลต้า, แว็งซ็องต์ ก็องปานี, มาร์ติน เดมิเคลิส, อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ, ยาย่า ตูเร่, แฟร์นานดินโญ่ ( ฆาบี การ์เซีย น.46 ), เฆซุส นาบาส, ดาบิด ซิลบา ( สเตฟาน โยเวติช น.76 ), ซามีร์ นาสรี่, เอดิน เชโก้ ( อัลบาโร่ เนเกรโด้ น.64 )
ตัวสำรอง : ไมก้าห์ ริชาร์ดส, โจเลออน เลสค็อตต์, เจมส์ มิลเนอร์, คอสเทล ปันติลิม่อน
รายชื่อ 11 ตัวจริง เซาแธมป์ตัน : เปาโล กาซซานิกา, คาลุม แชมเบอร์ส, เดยัน ลอฟเรน, โจเซ่ ฟอนเต้, ลุค ชอว์, มอร์แกน ชไนเดอร์แลง, แจ็ค คอร์ก ( วิคเตอร์วานยาม่า น.79 ), อดัม ลาลลานา, สตีเว่น เดวิส ( แซม กัลลาเกอร์ น.74 ), เจย์ โรดริเกซ ( เจมส์ วอร์ด-พราวส์ น.26 ), ริคกี้ แลมเบิร์ต
ตัวสำรอง : กูลี่ โด ปราโด, จอส ฮอยเวลด์, โคดี ครอปเปอร์, นาธาเนียล ไคลน์
ผู้ตัดสิน : คริส ฟอยด์
นาทีที่ 45 แฟน "เรือใบสีฟ้า" ได้เฮกันลั่นสนามอีกครั้งจากจังหวะทำเกมกันมาอย่างสวย เริ่มที่ ยาย่า ตูเร่ จ่ายเข้ากลางมาให้กับ เอดิน เชโก้ ไขว้ต่อให้กับ ดาบิด ซิลบา ก่อนแนวรุกชาว สเปน จะปาดบอลให้กับ ซามีร์ นาสรี่ ยิงเข้าไป ให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นนำ เซาแธมป์ตัน อีกครั้ง 2-1
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บของครึ่งแรก "เรือใบสีฟ้า" มานำห่าง เซาแธมป์ตัน อีกครั้ง จากจังหวะที่ อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ เปิดบอลเข้ามาในกรอบเขตโทษ ให้กับเอดิน เชโก้ โหม่งเผาขนเข้าไป ให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นำห่าง 3-1
ก่อนจะหมดเวลาการแข่งขันในครึ่งแรก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นำ เซาแธมป์ตัน 3-1
เริ่มเกมในครึ่งหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปลี่ยนตัวผู้เล่นสำรองคนแรก ส่ง ฆาบี การ์เซีย ลงไปแทน แฟร์นานดินโญ่
นาทีที่ 58 แมนฯ ซิตี้ พลาดโอกาสทองไปอย่างน่าเสียดายจากจังหวะที่ เอดิน เชโก้ หลุดเข้ามาในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย เจ้าตัวยิงจังหวะแรกไปติดเซฟ กาซซานิกา บอลกระดอนออกมาก่อนจะซ้ำด้วยเท้าขวาบอลเหินออกหลังไปอย่างน่าเสียดายสุดๆ
นาทีที่ 64 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปลี่ยนตัวผู้เล่นอีกครั้ง โดยส่ง อัลบาโร่ เนเกรโด้ ลงไปแทนที่ เอดิน เชโก้
นาทีที่ 73 เซาแธมป์ตัน ได้ลุ้นอีกครั้งจากจังหวะที่ อดัม ลาลลานา กระดกบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษทางด้านขวา ให้กับ ริคกี้ แลมเบิร์ต หลุดเข้าไปศูนย์หน้าทีมชาติอังกฤษซัดไปทางเสาสองบอลหลุดกรอบไปนิดเดียว
นาทีที่ 74 เซาแธมป์ตัน เปลี่ยนตัวผู้เล่นส่ง แซม กัลลาเกอร์ ลงไปแทน สตีเว่น เดวิส
นาทีที่ 76 ซิตี้ เปลี่ยนตัวผู้เล่นคนสุดท้าย ส่ง สเตฟาน โยเวติช ลงไปแทน ดาบิด ซิลบา
นาทีที่ 79 "นักบุญ" ส่ง วิคเตอร์ วานยาม่า ลงไปแทน แจ็ค คอร์ก
นาทีที่ 81 ทัพ "เรือใบสีฟ้า" ได้เฮกันลั่นสนามอีกครั้งจากจังหวะที่ เฆซุส นาบาส ลากบอลมาทางริมเส้นฝั่งขวา ก่อนเปิดเข้ามาในกรอบเขตโทษให้ เนเกรโด้ แต่ศูนย์หน้าชาวสเปนเข้าไม่ถึง บอลเลยมาเข้าทางปืนของ สเตฟาน โยเวติช ยิงเข้าไปไม่เหลือให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นำห่าง เซาแธมป์ตัน 4-1
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บไม่มีประตูเพิ่มเติมจบเกมการแข่งขัน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านไล่ถล่ม เซาแธมป์ตัน 4-1 เก็บ 3 แต้ม มี 70 คะแนน ขึ้นรั้งรองจ่าฝูงทันที ด้าน เซาแธมป์ตัน มี 48 คะแนนเท่าเดิม รั้งที่ 8 ของตาราง สำหรับโปรแกรมนัดต่อไป "เรือใบสีฟ้า" มีคิวยกพลบุกไปเยือน "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ที่ แอนฟิลด์ ในวันที่ 13 เม.ย. ด้านทีม เซาแธมป์ตัน โปรแกรมนัดต่อไปมีคิวเปิดบ้าน รับ คาร์ดิฟฟ์ ในวันที่ 12 เม.ย.
รายชื่อ 11 ตัวจริง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : โจ ฮาร์ท, ปาโบล ซาบาเลต้า, แว็งซ็องต์ ก็องปานี, มาร์ติน เดมิเคลิส, อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ, ยาย่า ตูเร่, แฟร์นานดินโญ่ ( ฆาบี การ์เซีย น.46 ), เฆซุส นาบาส, ดาบิด ซิลบา ( สเตฟาน โยเวติช น.76 ), ซามีร์ นาสรี่, เอดิน เชโก้ ( อัลบาโร่ เนเกรโด้ น.64 )
ตัวสำรอง : ไมก้าห์ ริชาร์ดส, โจเลออน เลสค็อตต์, เจมส์ มิลเนอร์, คอสเทล ปันติลิม่อน
รายชื่อ 11 ตัวจริง เซาแธมป์ตัน : เปาโล กาซซานิกา, คาลุม แชมเบอร์ส, เดยัน ลอฟเรน, โจเซ่ ฟอนเต้, ลุค ชอว์, มอร์แกน ชไนเดอร์แลง, แจ็ค คอร์ก ( วิคเตอร์วานยาม่า น.79 ), อดัม ลาลลานา, สตีเว่น เดวิส ( แซม กัลลาเกอร์ น.74 ), เจย์ โรดริเกซ ( เจมส์ วอร์ด-พราวส์ น.26 ), ริคกี้ แลมเบิร์ต
ตัวสำรอง : กูลี่ โด ปราโด, จอส ฮอยเวลด์, โคดี ครอปเปอร์, นาธาเนียล ไคลน์
ผู้ตัดสิน : คริส ฟอยด์
สรุปผลฟุตบอล พรีเมียร์ลีก วันที่ 05 เม.ย. 57
23:30 น.
เชลซี
3 - 0
สโต๊ค ซิตี้
21:00 น.
แอสตัน วิลล่า
1 - 2
ฟูแล่ม
21:00 น.
คาร์ดิฟฟ์
0 - 3
คริสตัล พาเลซ
21:00 น.
ฮัลล์
1 - 0
สวอนซี
21:00 น.
นิวคาสเซิ่ล
0 - 4
แมนยูไนเต็ด
21:00 น.
นอริช ซิตี้
0 - 1
เวสต์บรอมวิช
18:45 น.
แมนซิตี้
4 - 1
เซาธ์แฮมป์ตัน
| Pos | Team | GP | W | D | L | G+ | G- | +/- | Pts |
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1 | เชลซี | 20 | 14 | 4 | 2 | 44 | 19 | 25 | 46 |
| 2 | แมนซิตี้ | 20 | 14 | 4 | 2 | 44 | 19 | 25 | 46 |
| 3 | แมนยูไนเต็ด | 20 | 10 | 7 | 3 | 34 | 20 | 14 | 37 |
| 4 | เซาธ์แฮมป์ตัน | 20 | 11 | 3 | 6 | 34 | 15 | 19 | 36 |
| 5 | สเปอร์ส | 20 | 10 | 4 | 6 | 29 | 27 | 2 | 34 |
| 6 | อาร์เซน่อล | 20 | 9 | 6 | 5 | 34 | 25 | 9 | 33 |
| 7 | เวสต์แฮม | 20 | 9 | 5 | 6 | 31 | 24 | 7 | 32 |
| 8 | ลิเวอร์พูล | 20 | 8 | 5 | 7 | 28 | 27 | 1 | 29 |
| 9 | สวอนซี | 20 | 8 | 5 | 7 | 25 | 24 | 1 | 29 |
| 10 | นิวคาสเซิ่ล | 20 | 7 | 6 | 7 | 25 | 31 | -6 | 27 |
| 11 | สโต๊ค ซิตี้ | 20 | 7 | 5 | 8 | 22 | 24 | -2 | 26 |
| 12 | แอสตัน วิลล่า | 20 | 5 | 7 | 8 | 11 | 22 | -11 | 22 |
| 13 | เอฟเวอร์ตัน | 20 | 5 | 6 | 9 | 29 | 33 | -4 | 21 |
| 14 | ซันเดอร์แลนด์ | 20 | 3 | 11 | 6 | 18 | 30 | -12 | 20 |
| 15 | ฮัลล์ | 20 | 4 | 7 | 9 | 20 | 26 | -6 | 19 |
| 16 | ควีนส์ปาร์ค | 20 | 5 | 4 | 11 | 22 | 35 | -13 | 19 |
| 17 | เวสต์บรอมวิช | 20 | 4 | 6 | 10 | 19 | 29 | -10 | 18 |
| 18 | คริสตัล พาเลซ | 20 | 3 | 8 | 9 | 20 | 30 | -10 | 17 |
| 19 | เบิร์นลีย์ | 20 | 3 | 8 | 9 | 17 | 32 | -15 | 17 |
| 20 | เลสเตอร์ | 20 | 3 | 5 | 12 | 19 | 33 | -14 | 14 |
| ** เธเธฒเธฃเธฒเธเธเธฐเนเธเธ เธญเธฑเธเนเธเธเธฅเนเธฒเธชเธธเธ 7 มกราคม 2558 เวลา 08:33 น. ** | |||||||||
Subscribe by Email
Follow Updates Articles from This Blog via Email
No Comments